Students’ Voice&Examination
ページ内目次
Students' Voice
Chayanich wattanasiri(Thailand)
สวัสดีค่ะ
น.ส.ชญานิศ วัฒนศิริ(อุ้ม) เรียนอยู่ชั้นปี3 ปีการศึกษา2559โรงเรียนOiscaค่ะ วันนี้ก็จะบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการ์ณ3ปีที่อุ้มมาเรียนที่นี้นะคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าก่อนมาเรียนที่นี้นั้น อุ้มก็ไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นติดตัวมาเลยค่ะ เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่เป็นเหมือนอุ้ม บอกเลยนะคะว่าไม่ต้องกังวล เพราะในเทอมเเรกจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งเเต่ต้นใหม่พร้อมกับเด็กต่างชาติคนอื่นๆค่ะ มีทั้งไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี อินเดีย เเละก็เวียดนามค่ะ ถึงเเม้เวลาเรียนจะเป็นภาษาญี่ปุ่นเเต่คุณครูที่นี้สอนเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ เเถมยังใจดีคอยช่วยเวลาที่ไม่เข้าใจเนื้อหาตลอดเลยด้วย พอช่วงเทอมสองจะได้เข้าไปเรียนวิชาทั่วไปพร้อมกับคนญี่ปุ่นในห้องเรียน ตรงนี้พูดเลยค่ะว่าเรียนยากมาก เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเพราะเนื้อหาเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดเเต่ถ้าไม่เข้าใจก็ถามครูได้ค่ะเพราะคุณครูที่นี้พร้อมที่จะช่วยเหลือเราตลอดเลย บางครั้งก็สามารถปรึกษาปัญหาได้เสมอเลยค่ะ กิจกรรมของโรงเรียนนั้นก็มีเยอะมากเลยค่ะอย่างทัศนศึกษา งานวัฒนธรรมโรงเรียนหรือ งานกีฬาเเละยังมีกิจกรรมต่างๆให้นักเรียนต่างชาติไปเชื่อมสัมพันธ์กับโรงเรียนอื่นด้วยนะคะ มาถึงในส่วนของหอพักนั่นค่อนข้างมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากเลยค่ะ ทั้งเรื่องเเยกขยะ การจัดเวรทำความสะอาด เเละอะไรหลายๆอย่างอีกมากมาย อาจจะลำบากหน่อยเเต่นั้นก็ทำให้เราเติบโตเเละมีระเรียบวินัยมากขึ้น ในหอนั้นมีทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง คนญี่ปุ่นเเละคนต่างชาติหลายๆคนอาศัยอยู่ร่วมกันค่ะ เเละจะมีกิจกรรมต่างๆมากมายของนักเรียนหอด้วยนะคะ ส่วนการเดินทางจากหอพักไปโรงเรียนนั้นเเค่ใช้เวลาเดินประมาณ3นาทีเท่านั้นเองค่ะ
สำหรับในช่วงเเรกที่เข้ามาใช้ชีวิตที่นี้นั้นทั้งภาษาญี่ปุ่นที่ยังพูดไม่ค่อยได้เเละกฎอีกมากมายที่จำเเละทำตาม ทำให้อุ้มรู้สึกท้อเเละก็อยากกลับบ้านมากเลยค่ะ เเต่พออยู่นานๆก็สามารถปรับตัวได้เเละสนุกไปกับการใช้ชีวิตที่นี้มากเลยค่ะ เเถมยังมีเพื่อนๆคนญี่ปุ่นเเละต่างชาติคนอื่นๆคอยช่วยเหลือตลอดทำให้เมื่อท้อก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเพราะมีคนคอยเคียงข้างค่ะ เอาล่ะค่ะสำหรับใครที่อยากจะมาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นพร้อมกับสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ โรงเรียนOisca ยินดีต้อนรับเสมอเลยนะคะ
น.ส.ชญานิศ วัฒนศิริ(อุ้ม) เรียนอยู่ชั้นปี3 ปีการศึกษา2559โรงเรียนOiscaค่ะ วันนี้ก็จะบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการ์ณ3ปีที่อุ้มมาเรียนที่นี้นะคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าก่อนมาเรียนที่นี้นั้น อุ้มก็ไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นติดตัวมาเลยค่ะ เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่เป็นเหมือนอุ้ม บอกเลยนะคะว่าไม่ต้องกังวล เพราะในเทอมเเรกจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งเเต่ต้นใหม่พร้อมกับเด็กต่างชาติคนอื่นๆค่ะ มีทั้งไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี อินเดีย เเละก็เวียดนามค่ะ ถึงเเม้เวลาเรียนจะเป็นภาษาญี่ปุ่นเเต่คุณครูที่นี้สอนเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ เเถมยังใจดีคอยช่วยเวลาที่ไม่เข้าใจเนื้อหาตลอดเลยด้วย พอช่วงเทอมสองจะได้เข้าไปเรียนวิชาทั่วไปพร้อมกับคนญี่ปุ่นในห้องเรียน ตรงนี้พูดเลยค่ะว่าเรียนยากมาก เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเพราะเนื้อหาเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดเเต่ถ้าไม่เข้าใจก็ถามครูได้ค่ะเพราะคุณครูที่นี้พร้อมที่จะช่วยเหลือเราตลอดเลย บางครั้งก็สามารถปรึกษาปัญหาได้เสมอเลยค่ะ กิจกรรมของโรงเรียนนั้นก็มีเยอะมากเลยค่ะอย่างทัศนศึกษา งานวัฒนธรรมโรงเรียนหรือ งานกีฬาเเละยังมีกิจกรรมต่างๆให้นักเรียนต่างชาติไปเชื่อมสัมพันธ์กับโรงเรียนอื่นด้วยนะคะ มาถึงในส่วนของหอพักนั่นค่อนข้างมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากเลยค่ะ ทั้งเรื่องเเยกขยะ การจัดเวรทำความสะอาด เเละอะไรหลายๆอย่างอีกมากมาย อาจจะลำบากหน่อยเเต่นั้นก็ทำให้เราเติบโตเเละมีระเรียบวินัยมากขึ้น ในหอนั้นมีทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง คนญี่ปุ่นเเละคนต่างชาติหลายๆคนอาศัยอยู่ร่วมกันค่ะ เเละจะมีกิจกรรมต่างๆมากมายของนักเรียนหอด้วยนะคะ ส่วนการเดินทางจากหอพักไปโรงเรียนนั้นเเค่ใช้เวลาเดินประมาณ3นาทีเท่านั้นเองค่ะ
สำหรับในช่วงเเรกที่เข้ามาใช้ชีวิตที่นี้นั้นทั้งภาษาญี่ปุ่นที่ยังพูดไม่ค่อยได้เเละกฎอีกมากมายที่จำเเละทำตาม ทำให้อุ้มรู้สึกท้อเเละก็อยากกลับบ้านมากเลยค่ะ เเต่พออยู่นานๆก็สามารถปรับตัวได้เเละสนุกไปกับการใช้ชีวิตที่นี้มากเลยค่ะ เเถมยังมีเพื่อนๆคนญี่ปุ่นเเละต่างชาติคนอื่นๆคอยช่วยเหลือตลอดทำให้เมื่อท้อก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเพราะมีคนคอยเคียงข้างค่ะ เอาล่ะค่ะสำหรับใครที่อยากจะมาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นพร้อมกับสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ โรงเรียนOisca ยินดีต้อนรับเสมอเลยนะคะ
Chayaphol Kingnara(Thailand)
ผมชื่อว่า ชยพล กิ่งนรา ชื่อเล่นชื่อว่า ภูมิ ขณะนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลาย OISCA ในจังหวัด Shizuoka ตอนนี้ก็อยู่มาปีกว่าแล้ว 1 ปีที่ผ่านมานั้นมีหลายอย่างที่ทำให้ผมประหลาดใจเต็มไปหมด ยกตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นที่เราคิดว่าที่ไทยทำได้ ที่ญี่ปุ่นก็ต้องทำได้ แต่มันไม่ใช่ เพราะว่ากฎที่ญี่ปุ่นเคร่งครัดมาก ฉะนั้น สิ่งที่ได้กลับไทยอย่างแน่นอนคือ ระเบียบวินัย
โรงเรียนของผมตั้งอยู่ในชานเมืองหน่อยๆ ไม่ค่อยมีตึกสูงหรือห้างสรรพสินค้าเท่าไหร่ ทำให้ได้บรรยากาศถึงธรรมชาติ ข้างหลังของโรงเรียนเป็นภูเขา ข้างซ้ายเป็นทุ่งนาของโรงเรียน ทางขวาเป็นทะเลสาบ ส่วนด้านหน้าเป็นหมู่บ้าน ถ้าหากจำเป็นที่จะซื้ออาหาร หรือของเล็กๆน้อยๆ ใกล้ๆโรงเรียนมีซุปเปอร์มาร์เก็ต ขี่จักรยานไปประมาณ 15-20 นาที แต่ถ้าอยากช้อปปิ้งหรือดูหนัง นั่งรถบัส 40 นาทีเพื่อเข้าตัวเมือง ในเมืองก็จะมี สถานีรถไฟ ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ร้านขายเสื้อผ้า คาราโอเกะ ฯลฯ
นักเรียนต่างชาติทุกคนจะต้องพักที่หอของโรงเรียน ซึ่งใกล้มากๆ เดินจากหอไปโรงเรียนแค่ 3 นาทีก็ถึงแล้ว หอจะแยกเป็นหอชายกับหอหญิง เราจะได้นอนรวมกันกับคนญี่ปุ่นและชาติอื่นด้วย กิจวัตรประจำวันก็จะมี ตื่นนอนตอน 6.30 น. หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปทำเวร แล้วรวมตัวตอน 6.50 น. อาหารเช้าตอน 7.00 น. และไปโรงเรียนตอน 8.15 น. คาบเช้า 4 คาบ คาบบ่าย 2 คาบ ที่ญี่ปุ่นไม่มีคนมาคอยทำความสะอาดให้ หลังจากเลิกเรียน ทุกคนจึงต้องทำความสะอาดโรงเรียนกันเอง หลังจากทำเวรเสร็จ ก็จะเป็นเวลาของชมรม พอถึง 18.00 น. เป็นเวลาของอาหารเย็น ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็น หลังจากกินข้าวเสร็จจะมีเวรล้างจาน วันธรรมดาช่วง 19.00-20.30 น. เป็นเวลาทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวัน ช่วงแรกๆจะรู้สึกเบื่อ แต่ถ้าเรียนไปเรื่อยๆ จะเห็นถึงความสำคัญของมัน หลังจากเรียนเสร็จจะเป็นช่วงพักผ่อนตามสบาย โดยเวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนอาบน้ำกัน โดยห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม ครั้งแรกทุกคนก็อายกันเป็นปกติ แค่หลังๆก็ชินกันเอง และมีทำเวรห้องอีกทีตอน 22.00 น. และนอนตอน 22.30 น.
เทอมแรกและเทอมที่สองของปี 1 จะเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว ห้องเรียนจะแบ่งเป็น 2 ห้องได้แก่ห้องที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว กับห้องที่เพิ่งเริ่ม ฉะนั้นไม่ต้องห่วงถ้ายังไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน อาจารย์ที่นี่เอาใจใส่นักเรียนทุกคน เนื่องจากจำนวนนักเรียนที่ไม่เยอะมาก ทำให้เข้าถึงได้ง่าย และอาจารย์ก็เป็นกันเองสุดๆด้วย
สิ่งที่ชอบและไม่ชอบของโรงเรียน เอาสิ่งที่ไม่ชอบก่อนแล้วกัน นั่นคือ พละ พละของโรงเรียนนี้ค่อนข้างหนักสำหรับผม เพราะว่าต้องวิ่งเยอะ นอกจากนี้ ทุกๆปีจะมีมาราธอน โดยผู้ชายจะวิ่ง 6 กม. ส่วนผู้หญิง 4 กม.ให้ทันภายในเวลา 40 นาที ซึ่งผมได้อันดับเกือบท้ายเลย ส่วนสิ่งที่ชอบคือ ความเอาใจใส่ของอาจารย์ โดยเฉพาะอาจารย์ที่ปรึกษา อันนี้พูดตามความจริง ไม่ได้เกินเลย สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียน เพื่อน มหาวิทยาลัย ครอบครัว ฯลฯ
ท้ายสุดนี้ สิ่งที่อยากจะบอกน้องๆที่สนใจ หรือกำลังตัดสินใจเรียนต่อญี่ปุ่นในขณะนี้คือ การมาที่นี่ ใช้ชีวิตที่นี่ เรียนที่นี่ ทำให้เราได้อะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรม ภาษา เพื่อนใหม่ๆ ถึงแม้เราจะทำอะไรผิดพลาดไปก็ตาม สิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่เราไม่สามารถหาได้ที่ประเทศไทย ผม และเพื่อนๆ รอน้องๆทุกคนอยู่นะครับ ขอบคุณครับ
โรงเรียนของผมตั้งอยู่ในชานเมืองหน่อยๆ ไม่ค่อยมีตึกสูงหรือห้างสรรพสินค้าเท่าไหร่ ทำให้ได้บรรยากาศถึงธรรมชาติ ข้างหลังของโรงเรียนเป็นภูเขา ข้างซ้ายเป็นทุ่งนาของโรงเรียน ทางขวาเป็นทะเลสาบ ส่วนด้านหน้าเป็นหมู่บ้าน ถ้าหากจำเป็นที่จะซื้ออาหาร หรือของเล็กๆน้อยๆ ใกล้ๆโรงเรียนมีซุปเปอร์มาร์เก็ต ขี่จักรยานไปประมาณ 15-20 นาที แต่ถ้าอยากช้อปปิ้งหรือดูหนัง นั่งรถบัส 40 นาทีเพื่อเข้าตัวเมือง ในเมืองก็จะมี สถานีรถไฟ ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ร้านขายเสื้อผ้า คาราโอเกะ ฯลฯ
นักเรียนต่างชาติทุกคนจะต้องพักที่หอของโรงเรียน ซึ่งใกล้มากๆ เดินจากหอไปโรงเรียนแค่ 3 นาทีก็ถึงแล้ว หอจะแยกเป็นหอชายกับหอหญิง เราจะได้นอนรวมกันกับคนญี่ปุ่นและชาติอื่นด้วย กิจวัตรประจำวันก็จะมี ตื่นนอนตอน 6.30 น. หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปทำเวร แล้วรวมตัวตอน 6.50 น. อาหารเช้าตอน 7.00 น. และไปโรงเรียนตอน 8.15 น. คาบเช้า 4 คาบ คาบบ่าย 2 คาบ ที่ญี่ปุ่นไม่มีคนมาคอยทำความสะอาดให้ หลังจากเลิกเรียน ทุกคนจึงต้องทำความสะอาดโรงเรียนกันเอง หลังจากทำเวรเสร็จ ก็จะเป็นเวลาของชมรม พอถึง 18.00 น. เป็นเวลาของอาหารเย็น ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็น หลังจากกินข้าวเสร็จจะมีเวรล้างจาน วันธรรมดาช่วง 19.00-20.30 น. เป็นเวลาทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวัน ช่วงแรกๆจะรู้สึกเบื่อ แต่ถ้าเรียนไปเรื่อยๆ จะเห็นถึงความสำคัญของมัน หลังจากเรียนเสร็จจะเป็นช่วงพักผ่อนตามสบาย โดยเวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนอาบน้ำกัน โดยห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม ครั้งแรกทุกคนก็อายกันเป็นปกติ แค่หลังๆก็ชินกันเอง และมีทำเวรห้องอีกทีตอน 22.00 น. และนอนตอน 22.30 น.
เทอมแรกและเทอมที่สองของปี 1 จะเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว ห้องเรียนจะแบ่งเป็น 2 ห้องได้แก่ห้องที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว กับห้องที่เพิ่งเริ่ม ฉะนั้นไม่ต้องห่วงถ้ายังไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน อาจารย์ที่นี่เอาใจใส่นักเรียนทุกคน เนื่องจากจำนวนนักเรียนที่ไม่เยอะมาก ทำให้เข้าถึงได้ง่าย และอาจารย์ก็เป็นกันเองสุดๆด้วย
สิ่งที่ชอบและไม่ชอบของโรงเรียน เอาสิ่งที่ไม่ชอบก่อนแล้วกัน นั่นคือ พละ พละของโรงเรียนนี้ค่อนข้างหนักสำหรับผม เพราะว่าต้องวิ่งเยอะ นอกจากนี้ ทุกๆปีจะมีมาราธอน โดยผู้ชายจะวิ่ง 6 กม. ส่วนผู้หญิง 4 กม.ให้ทันภายในเวลา 40 นาที ซึ่งผมได้อันดับเกือบท้ายเลย ส่วนสิ่งที่ชอบคือ ความเอาใจใส่ของอาจารย์ โดยเฉพาะอาจารย์ที่ปรึกษา อันนี้พูดตามความจริง ไม่ได้เกินเลย สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียน เพื่อน มหาวิทยาลัย ครอบครัว ฯลฯ
ท้ายสุดนี้ สิ่งที่อยากจะบอกน้องๆที่สนใจ หรือกำลังตัดสินใจเรียนต่อญี่ปุ่นในขณะนี้คือ การมาที่นี่ ใช้ชีวิตที่นี่ เรียนที่นี่ ทำให้เราได้อะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรม ภาษา เพื่อนใหม่ๆ ถึงแม้เราจะทำอะไรผิดพลาดไปก็ตาม สิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่เราไม่สามารถหาได้ที่ประเทศไทย ผม และเพื่อนๆ รอน้องๆทุกคนอยู่นะครับ ขอบคุณครับ
Handa minh Nhat(Vietnam)
Mình tên là Handa Minh Nhật. Mình hiện đang học năm hai tại trường trung học phổ thông quốc tế OISCA, thuộc thành phố Hamamatsu, tỉnh Shizuoka, Nhật Bản.
Năm nay là năm thứ hai mình theo học tại trường. Vì là học sinh quốc tế và đang trong bậc trung học phổ thông nên mình sống trong ký túc xá của trường để được an toàn và có thể giao lưu, học hỏi cách sinh hoạt của các bạn học sinh quốc tế nói chung cũng như là các bạn bản địa Nhật nói riêng. Ký túc xá trường được thiết kế theo phong cách Nhật, sẽ có ký túc xá dành cho nam riêng và cho nữ riêng, mọi giờ giấc ăn uống sinh hoạt được quản lý nghiêm ngặt nên sẽ không có chuyện vô kỷ luật đâu. Mỗi buổi tối mình và các bạn được tự học trong phòng tự học. Đặc biệt nếu như bạn nào học trên mười tiếng vào cuối tuần sẽ được đặt phòng học riêng, nhưng mình nghĩ những anh chị năm ba sẽ được ưu tiên hơn vì các anh chị ấy cần phải học cật lực hơn rất nhiều lần.
Điều làm mình ấn tượng nhất trong quá trình học tại trường là học sinh phải tự tay ra đồng trồng lúa và thu hoạch gạo để ăn. Có làm mới biết hạt gạo bé xíu được làm ra như thế nào, biết được sự khó khăn cực nhọc của các bác nông dân, từ đó biết trân trọng từng hạt cơm, không dám bỏ “mứa” hay lấy thức ăn quá nhiều mà bản thân không thể ăn hết và biết trân trọng những gì mình đang có.
Bước vào năm thứ hai, mình biết sẽ rất khó khăn. Tất cả bạn bè lớp trên của mình liên tục lặp lại cụm từ duy nhất, “Năm thứ hai là năm tồi tệ nhất mọi thời đại ở trường trung học.” Nhờ họ, mình đã chuẩn bị tinh thần cho những gì sắp tới. Tuy nhiên, mình nghĩ rằng mình đã ngạc nhiên với cách mình xử lý năm học.
Mình chắc chắn không phủ nhận điều khó khăn này và cố gắng làm cho năm dường như hoàn toàn dễ dàng ... Nhưng nó thực sự hoàn toàn ngược lại. Thực tế, năm thứ hai là năm khó khăn mà tất cả những gì mọi người nói với mình, nhưng điều mình nghĩ làm cho mình khác biệt với những người khác là mình không hối hận về những lựa chọn mà mình đã đưa ra.
Từ việc tham gia lớp viết thư pháp, câu lạc bộ bóng rổ đầu tiên của mình đến tham dự đại hội thể thao toàn quốc, câu lạc bộ thiên văn học, nhận trách nhiệm hướng dẫn cho các bạn và các em từ Việt Nam mới qua, rồi chuẩn bị tham gia đi giao lưu với các bạn học sinh cấp 3 ở trường khác, thử sức bản thân thi thử những kỳ thi N và bài thi dành cho các bạn cấp ba trên toàn quốc thật căng thẳng.
Ồ vâng! Đó là RẤT căng thẳng, cả trong và ngoài trường học. Tuy nhiên, có đi thi mới biết được mình chỉ như là một “hạt cát” nhỏ bé giữa “sa mạc” rộng lớn, đặc biệt khi mình là một du học sinh, ngôn ngữ và văn hoá vẫn luôn là rào cản lớn giữa mình và các bạn địa phương. Có như vậy mình mới cố gắng học tập và nỗ lực để vượt qua được những điều đó.
Mình nghĩ rằng những đêm không ngủ, học tập liên tục và những trách nhiệm mà mình đảm nhận đã khiến mình trở nên mạnh mẽ hơn và có cái nhìn thoáng qua về thế giới thực. Đồng thời những thầy cô phụ trách từng bộ môn, thầy quản lý ký túc xá và các bạn đã giúp đỡ mình trong quá trình học tập cũng như là sinh hoạt ở một nơi không quen thuộc. Mình dần dần nhận ra rằng đây là ngôi nhà thứ hai của mình. Mình đã học được nhiều hơn về quản lý thời gian, rèn luyện được tính kỷ luật cao, biết đối nhân xử thế, trở thành một người đàn ông và giao tiếp với những người mới mà không nhất thiết phải có cùng quan điểm với mình. Hy vọng của mình là tất cả những phẩm chất và kinh nghiệm quý giá mà mình đã chọn gắn bó với mình trong suốt cuộc đời.
Cuối cùng, tất cả những gì mình thực sự có thể nói là mình rất vui vì đã trải qua tất cả những căng thẳng. Mình mừng vì nó đã qua, nhưng mình không hối hận khi gặp nó. Mình đã làm việc chăm chỉ và kết quả của công việc khó khăn đó là điều đáng tự hào.
Với năm học sắp tới, mục tiêu đậu N1, đại học và tương lai của mình phải lo lắng, mình cảm thấy như thể mình đã sẵn sàng đối mặt với trường học và cuộc sống với cái đầu ngẩng cao. Mình chắc chắn rằng nó sẽ khó và sẽ kiểm tra tính cách của mình, nhưng như năm ngoái đã chứng minh, nó sẽ đáng giá!
Năm nay là năm thứ hai mình theo học tại trường. Vì là học sinh quốc tế và đang trong bậc trung học phổ thông nên mình sống trong ký túc xá của trường để được an toàn và có thể giao lưu, học hỏi cách sinh hoạt của các bạn học sinh quốc tế nói chung cũng như là các bạn bản địa Nhật nói riêng. Ký túc xá trường được thiết kế theo phong cách Nhật, sẽ có ký túc xá dành cho nam riêng và cho nữ riêng, mọi giờ giấc ăn uống sinh hoạt được quản lý nghiêm ngặt nên sẽ không có chuyện vô kỷ luật đâu. Mỗi buổi tối mình và các bạn được tự học trong phòng tự học. Đặc biệt nếu như bạn nào học trên mười tiếng vào cuối tuần sẽ được đặt phòng học riêng, nhưng mình nghĩ những anh chị năm ba sẽ được ưu tiên hơn vì các anh chị ấy cần phải học cật lực hơn rất nhiều lần.
Điều làm mình ấn tượng nhất trong quá trình học tại trường là học sinh phải tự tay ra đồng trồng lúa và thu hoạch gạo để ăn. Có làm mới biết hạt gạo bé xíu được làm ra như thế nào, biết được sự khó khăn cực nhọc của các bác nông dân, từ đó biết trân trọng từng hạt cơm, không dám bỏ “mứa” hay lấy thức ăn quá nhiều mà bản thân không thể ăn hết và biết trân trọng những gì mình đang có.
Bước vào năm thứ hai, mình biết sẽ rất khó khăn. Tất cả bạn bè lớp trên của mình liên tục lặp lại cụm từ duy nhất, “Năm thứ hai là năm tồi tệ nhất mọi thời đại ở trường trung học.” Nhờ họ, mình đã chuẩn bị tinh thần cho những gì sắp tới. Tuy nhiên, mình nghĩ rằng mình đã ngạc nhiên với cách mình xử lý năm học.
Mình chắc chắn không phủ nhận điều khó khăn này và cố gắng làm cho năm dường như hoàn toàn dễ dàng ... Nhưng nó thực sự hoàn toàn ngược lại. Thực tế, năm thứ hai là năm khó khăn mà tất cả những gì mọi người nói với mình, nhưng điều mình nghĩ làm cho mình khác biệt với những người khác là mình không hối hận về những lựa chọn mà mình đã đưa ra.
Từ việc tham gia lớp viết thư pháp, câu lạc bộ bóng rổ đầu tiên của mình đến tham dự đại hội thể thao toàn quốc, câu lạc bộ thiên văn học, nhận trách nhiệm hướng dẫn cho các bạn và các em từ Việt Nam mới qua, rồi chuẩn bị tham gia đi giao lưu với các bạn học sinh cấp 3 ở trường khác, thử sức bản thân thi thử những kỳ thi N và bài thi dành cho các bạn cấp ba trên toàn quốc thật căng thẳng.
Ồ vâng! Đó là RẤT căng thẳng, cả trong và ngoài trường học. Tuy nhiên, có đi thi mới biết được mình chỉ như là một “hạt cát” nhỏ bé giữa “sa mạc” rộng lớn, đặc biệt khi mình là một du học sinh, ngôn ngữ và văn hoá vẫn luôn là rào cản lớn giữa mình và các bạn địa phương. Có như vậy mình mới cố gắng học tập và nỗ lực để vượt qua được những điều đó.
Mình nghĩ rằng những đêm không ngủ, học tập liên tục và những trách nhiệm mà mình đảm nhận đã khiến mình trở nên mạnh mẽ hơn và có cái nhìn thoáng qua về thế giới thực. Đồng thời những thầy cô phụ trách từng bộ môn, thầy quản lý ký túc xá và các bạn đã giúp đỡ mình trong quá trình học tập cũng như là sinh hoạt ở một nơi không quen thuộc. Mình dần dần nhận ra rằng đây là ngôi nhà thứ hai của mình. Mình đã học được nhiều hơn về quản lý thời gian, rèn luyện được tính kỷ luật cao, biết đối nhân xử thế, trở thành một người đàn ông và giao tiếp với những người mới mà không nhất thiết phải có cùng quan điểm với mình. Hy vọng của mình là tất cả những phẩm chất và kinh nghiệm quý giá mà mình đã chọn gắn bó với mình trong suốt cuộc đời.
Cuối cùng, tất cả những gì mình thực sự có thể nói là mình rất vui vì đã trải qua tất cả những căng thẳng. Mình mừng vì nó đã qua, nhưng mình không hối hận khi gặp nó. Mình đã làm việc chăm chỉ và kết quả của công việc khó khăn đó là điều đáng tự hào.
Với năm học sắp tới, mục tiêu đậu N1, đại học và tương lai của mình phải lo lắng, mình cảm thấy như thể mình đã sẵn sàng đối mặt với trường học và cuộc sống với cái đầu ngẩng cao. Mình chắc chắn rằng nó sẽ khó và sẽ kiểm tra tính cách của mình, nhưng như năm ngoái đã chứng minh, nó sẽ đáng giá!
Mahamongkol Da Quynh(Vietnam)
Hiện tại, em đang là học sinh năm hai tại trường Trung học Oisca, đã học tập và sinh sống tại đây hai năm. Khoảng thời gian hai năm này đã mang lại cho em rất nhiều thứ, những kỉ niệm vui có, buồn có. Những sinh hoạt cùng các bạn, các anh chị trong trường và lí túc xá đã rèn luyện cho em rất nhiều kĩ năng khác nhau từ trồng cây, nấu ăn, làm ruộng,…Bạn bè cùng lớp và cùng phòng kí túc xá đã trở thành niềm vui của em tại đây, trong khi xa nhà. Cùng nhau học tập, chia sẻ, đồng cảm với nhau về những khó khăn, áp lực mà chính chúng em đang gặp và cùng nhau tìm cách khắc phục. Tại ngôi trường này, từng ngày trôi qua em đều cảm nhận được bản than thay đổi, trưởng thành hơn. Qua những lần tự mình đối mặt với những khó khăn, rắc rối và áp lực của chính bản thân em. Những điều ffos đã rèn luyện cho em một tinh thần vững chắc hơn, tự tin hơn và bản lĩnh hơn để có thể sẵn sàng đi về phía trước. Em thật sự vui vì mình đã đến đây và học tập tại trường Oisca này.
荘定文(台湾)
大家好!我是來自台灣的留學生今年三年級,因為從小就看宮崎駿的動畫長大,家族旅遊時也時常來到日本,所以因而進而喜歡上了日本文化,在台灣上高中時就決定要到日本讀書,高一結束就休學一個人來到了這邊。來到了這看到了有韓國、泰國、越南、菲律賓,許多國家的學生也來到了這邊留學,可能是因為大家都是獨自一個人來到人生地不熟的地方所以大家很快地就玩在一起變成了好朋友,來到這裡語言其實也不用太擔心,第一年有大半年的時間都是跟日本人分開,留學生大家一起學日文,也因為每天都要說日文的關係大家日文都進步得很快,我也在2年級第一次日文檢定時就通過了N2。
在這邊因為要住在宿舍、日本又是一個規局很多的國家所以常常感覺到不習慣,但是跟台灣教育方式比起來真的輕鬆許多,現在三年級的我目標放在日本的大學正在努力當中。
在日本讀書的這三年雖然辛苦但是在這邊交了朋友、慢慢適應之後,這些除了留學之外體驗不到的辛苦跟快樂交織在一起變成的回憶,可能是我這一生中最忘不了的回憶之一,如果要讓說後不後悔來日本讀書,我的答案是「不會」。
在這邊因為要住在宿舍、日本又是一個規局很多的國家所以常常感覺到不習慣,但是跟台灣教育方式比起來真的輕鬆許多,現在三年級的我目標放在日本的大學正在努力當中。
在日本讀書的這三年雖然辛苦但是在這邊交了朋友、慢慢適應之後,這些除了留學之外體驗不到的辛苦跟快樂交織在一起變成的回憶,可能是我這一生中最忘不了的回憶之一,如果要讓說後不後悔來日本讀書,我的答案是「不會」。
白意賢(韓国)
안녕하세요 저는 오이스카 고등학교에 다니고 있는 백의현이라고 합니다. 오이스카에 처음왔을때는 언어문제로 힘든 부분이 많았지만 선생님과의 친구들의 도움으로 일본어를 할수있게되었습니다. 일본에서의 생활은 한국에서와의 생활과는 다른점이 많아서 적응하기 힘들었지만 이것 또한 적응할수있도록 많은 도움을 받았습니다.
아직까지도 공부나 생활부분에서 힘든점이 많지만 앞으로도 계속 친구들과 함께 열심히 극복해 나가고 싶습니다. 감사합니당.
아직까지도 공부나 생활부분에서 힘든점이 많지만 앞으로도 계속 친구들과 함께 열심히 극복해 나가고 싶습니다. 감사합니당.
李奉奎(韓国)
안뇽하세요 저는 오이스카 2-a반 한국인 유학생 이봉규(李奉奎)라고 합니다. 제가 일본으로 유학을 오게된 이유는 일본의 문화와 언어를 배워보고 싶어서 오게되었습니다. 그래서 일본에서 외국 친구들과 함께 어울려 생활 하는게 즐거웠습니다. 저의 취미는 농구, 게임 등으로 부활동으로는 농구를 하고 있습니다. 감사합니다.
The exams consist of written tests of math and English and an oral test. School staff members visit your countries and hold examinations in fall every year.
To Apply for Entrance Examination
Please contact the following e-mail address for further information.
naruse@oisca.ac.jp
Please contact the following e-mail address for further information.
naruse@oisca.ac.jp